และว่ากันว่าเป็นประกาศิตของ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน ซึ่งมิได้เหนือความคาดหมายแต่ประการใด
ข่าวแนะนำ
นับตั้งแต่สนามมวยลุมพินีย้ายจากย่านพระราม 4 มาอยู่บนถนนรามอินทรา ดูเหมือนจะมีก็เพียงปีแรกเพียงแค่ปีเดียวที่มีกำไรเป็นกอบเป็นกำ
จากนั้นผลประกอบการเริ่มตกต่ำอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆที่มีคู่พันธมิตรถ่ายสดทางทีวี แถมมีค่าสิทธิประโยชน์ในเวทีสูงถึง 15 ล้าน
เอาเป็นว่าสนามมวยลุมพินีรามอินทรา เปลี่ยน ‘นายสนาม’ เป็นว่าเล่น!!
และแทบทั้งหมดนั้นเป็นเพื่อนร่วมรุ่นหรือผู้ใกล้ชิดของศูนย์อำนาจ ซึ่งตกกระป๋องไร้ตำแหน่งหลักเข้ามาทำหน้าที่ท่ามกลางวงล้อมของหนูถีบจักรผู้มากประสบการณ์
ซึ่งมิได้แตกต่างกับ “เหล้าเก่าในขวดใหม่” หรือ “ถุงเท้าเก่าในท็อปบูตใหม่” จนนำไปสู่โรคสมองไหล
สถาบันโปรโมเตอร์หรือผู้จัดการแข่งขัน ซึ่งมีส่วนสำคัญยิ่งในการประกบจัดคู่มวยเรียกคนตีตั๋วเข้าดูมวย…ถูกด้อยค่า
การจัดสรรโควตาที่ไม่เป็นธรรมขาดความเหมาะอย่างมีนัย และนำไปสู่การลาออกของโปรโมเตอร์หมายเลข 1 “เสี่ยเน้า” วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ เจ้าของศึกเพชรยินดี ท่ามกลางความตกตะลึงของแฟนมวยทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ยังมิอาจหมายรวมถึงแนวทางการตัดสินจากกรรมการของเวที ที่แฟนมวยหวาดระแวงไม่ไว้วางใจขาดการแก้ไขเอาใจใส่จากท่านผู้บริหารเวที
ยอดคนดู และค่าผ่านประตู จึงลดลงอย่างช่วยมิได้
“เติ้ง เสี่ยวผิง” อดีตอภิมหาผู้นำของจีนแผ่นดินใหญ่ เคยกล่าวอมตะวาจาไว้ว่า “แมวสีอะไรก็จับหนูได้”
แต่หนูที่สนามมวยลุมพินีรามอินทราไม่กลัวแมว!!
โปรโมเตอร์มวยลุมพินี “กล้า” แสดงตนไม่ขอรับโควตา หรือคืนวันจัดมวยที่ทางเวทีมอบให้เพราะกลัวขาดทุนมีให้เห็นกันไม่น้อย โดยที่ทางเวทีไม่สามารถควบคุมบริหารจัดการ
โชคดีที่โควิดเข้ามาแพร่ระบาดในเมืองไทย หาไม่แล้วทั้งโปรโมเตอร์และเวทีจะขาดทุนกันบานตะเกียงอีกเท่าไรไม่มีใครรู้สนามมวยลุมพินีเป็นหนึ่งในสนามมวยคู่บ้านคู่เมืองมากว่าครึ่งศตวรรษ
สร้างชื่อเสียงให้กับกองทัพและประเทศไทยจนกระจายเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก
“มวยไทย” เป็นทั้งกีฬาและศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่ฝรั่งมังค่าแห่ลงทุนบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาฝึกเรียนมวยไทยในบ้านเมืองเรา
ในขณะที่ “นักมวยไทย” ตั้งแต่รากหญ้าจนถึง “ซุป’ตาร์” อีกนับหมื่นนับแสนคนที่รอโอกาสจะขึ้นชกแข่งขันบนสังเวียนลุมพินี
เพื่อชื่อเสียงปากท้องและรอโอกาสจะไปคว้าเหรียญทองจากโอลิมปิกเกมส์เพื่อชาติและพวกเราทุกคนอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ถ้าภาครัฐให้การสนับสนุนอย่างเหมาะสม
จะว่าไปแล้วมีแต่คนชื่นชมกับนโยบายปฏิรูปกองทัพของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ท่านผู้บัญชาการทหารบก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสนามมวยลุมพินี รามอินทรา หากกองทัพอยากแก้ปัญหาให้ตรงเป้า
เอาออกมาให้เอกชนประมูลเช่าไปบริหาร
สืบสานตำนานมวยไทยให้อยู่คู่แผ่นดินไทยดีกว่าอื่นร้อยพันเท่า
อย่าถึงกับให้ลูกหลานของเราต้องบินไปดูมวยไทยที่เมืองฝรั่งเลยครับ…นายครับ!!!
บี บางปะกง
ดูเนื้อหาต้นฉบับ
ที่มา : https://www.thairath.co.th/sport/fightsport/muaythai/2028797
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/sport/fightsport/muaythai/2028797